เรื่องปาฏิหาริย์หลวงปู่ทวด บทที่ 2

134 Views
บทที่ 2 ห้อยพระหลวงปู่ทวด ปืนโจรปล้นแบงก์ ด้าน!

"เงินสดจำนวน 610,000 บาท นี้เอาไปให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฉลียวศักดิ์นะ"
ผู้จัดการธนาคารทหารไทย สาขาจังหวัดยะลา มอบเงินสดที่บรรจุอยู่ในถุงกระดาษสีน้ำตาลให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร 2 คนเพื่อนำไปมอบให้กับลูกค้าธนาคาร เชื่อว่าในเวลานั้นคงไม่มีใครเฉลียวใจมาก่อนเลยว่า นับจากนั้นอีกเพียงไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงที่เกือบทำให้เจ้าหน้าที่ธนาคารทั้ง 2 คนต้องสังเวยชีวิตให้กับโจรวัยรุ่นที่มุ่งมาปล้นเงินสดจำนวนนี้ หากเพียงว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน ไม่แขวนพระเครื่อง หลวงปู่ทวด และพระเครื่อง พระอาจารย์แดง แห่งวัดศรีมหาโพธิ์ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีและเชื่อว่าปรากฎการณ์ครั้งนี้ได้สำแดงถึงอิทธิปาฎิหาริย์อันเหนือกาลพิสูจน์ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อีกคำรบหนึ่ง พระเครื่องหลวงปู่ทวดพิมพ์ 5 แชะหลังจากรับมอบเงินสดจำนวน 610,000 บาท เพื่อนำไปมอบให้กับลูกค้าธนาคารแล้ว เช้าวันที่แดดสดใส ลมเริงร่า นายสุชาติ ทวีสุข ซึ่งเป็นคนอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส แต่ทำงานที่ธนาคารทหารไทย จังหวัดยะลา พร้อมกับเพื่อนพนักงานชื่อ นายกิตติศักดิ์ นนทิการ ชาวอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี พากันเดินทางจากธนาคารทหารไทย สาขายะลา
เลาะเลียบไปตามฟุทบาธระยะทางประมาณ 100 เมตร จากที่ตั้งธนาคาร ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันทำให้ทั้งคู่ต่างพูดคุย
หยอกล้อพูดจาในเรื่องสัพเพเหระ และก่อนจะโดนยิงเพียงเสี้ยววินาที คนทั้งคู่ได้พูดคุยกันเรื่องพระเครื่องหลวงปู่ทวดอยู่
พอดี โดยไม่มีลางสังหรณ์อะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้นและมิรู้ว่าเงาทะมึนของพญามัจจุราชกำลังทาบทาอยู่ที่ผืนแผ่นดินเบื้องหน้า
เหลือระยะทางอีกเพียง 50 เมตร ก็จะถึงที่หมายอันเป็นสถานที่ตั้งของห้างหุ้นส่วนจำกัดเฉลียวศักดิ์ เหตุการณ์อันไม่คาดฝัน
ก็บังเกิดขึ้น ถนนเบื้องหน้าด้านซ้ายมือมีรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งจอดรถอยู่แล้วเมื่อคนทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้
โดยมิทันตั้งตัว ทันทีทันใดนั้นคนนั่งซ้อนท้ายซึ่งเป็นชายวัยรุ่นกระโดดลงจากรถชักปืนทีเหน็บไว้ที่เอวมากระชับอยู่ในมือ
เป็นปืนพกขนาด .22 สีดำมะเมื่อมที่พร้อมจะสาดกระสุนใส่เป้าหมายได้ทุกวินาที
กิตติศักดิ์ นนทิการ เล่าถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นว่าช่วงที่เดินไปบังเอิญเห็นรถมอเตอร์ไซด์มีคนซ้อนท้ายมาด้วย โดยไม่ทัน
ได้ระวังตัว คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายก็กระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซด์แล้วชักปืนออกมาจี้เพื่อเอาเงิน
ตอนนั้นผมสะบัดถุงกระดาษสีน้ำตาลที่ผมถืออยู่ เกิดการยื้อยุดกันกระทั่งถุงกระดาษบรรจุเงินแตก เงินสดทั้งหมด
กระจายตกอยู่เต็มพื้น ในช่วงนั้นจริง ๆ แล้วเขายิงผมนัดหนึ่งแล้ว แต่ลูกปืนมันไม่ออก ดังแชะ หลังจากนั้นเขายิงมาอีก 2 นัด
รวมที่ยิงผมทั้งหมด 3 นัด หลังจากนั้นเขาหันไปยิงสุชาติซึ่งเป็นเพื่อนพนักงานอีกคนหนึ่งที่เดินไปด้วยกัน ยิงไป 2 นัด
ก็แชะเหมือนกัน สุชาติ ทวีสุข เล่าถึงเหตุการณ์เดียวกันว่า ช่วงที่ผมกับพี่ติเดินไป คนนั่งซ้อนท้ายเดินลงจากรถพร้อมกับ
เดินตรงมาหาเราทั้งคู่ พอเข้ามาใกล้ก็ชักปืนลูกโม่ .22 ออกมายิง ตอนนั้นเห็นปืนแล้วชัดเจนเลย แต่อยู่ใกล้มากจนทำ
อะไรไม่ทันแล้ว จะหลบก็ไม่ทัน
พอยิงเสร็จผมเลยวิ่งเข้าไปประกบกระชากคอเสื้อของคนร้าย เพราะว่าอยู่ใกล้กันมากคนร้ายก็ยิงซ้ำ ผมเห็นเลยว่าตรงปาก
กระบอกปืนมีควันขึ้นเป็นสีเทา ๆ แต่ไม่รู้ว่าวิถีกระสุนวิ่งออกไปทางไหน ทั้ง ๆ ที่ปากกระบอกปืนเล็งตรงมาที่ผมซึ่งอยู่
ใกล้นิดเดียว เรียกได้ว่าเป็นระยะประชิดตัวกันเลย ผมเห็นเหตุการณ์ตลอดตั้งแต่นัดแรกที่คนร้ายยิง มันยิง 5 นัดทั้งหมด
เห็นขึ้นควันหมดทั้ง 5 นัด แต่ก็ไม่รู้ว่าปืนด้านหรือว่าหัวกระสุนปืนวิ่งไปทางไหนหมด
หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด คนร้ายที่เป็นมือปืนได้กระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ที่เพื่อนสตาร์ทรออยู่แล้ว
เร่งเครื่องเคลื่อนหายไปบนท้องถนนอันจอแจไปด้วยรถยนต์ โดยไม่สามารถหยิบเงินสดที่ตกเรี่ยราดอยู่บนพื้นริมฟุทบาธ
ได้เพียงน้อยนิด
1 เดือนต่อมา....คนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวได้ เมื่อส่งตัวฟ้องศาล เจ้าหน้าที่ธนาคารทั้ง 2 คนจึงมีโอกาสเผชิญหน้า
กับคนร้ายในขณะที่คนร้ายถูกนำตัวขึ้นศาลจังหวัดยะลา มือปืนร่างเล็กซึ่งเป็นคนนครศรีธรรมราช อายุประมาณ 30 ปี
และมีประวัติด้านวงการนักเลงมาอย่างโชกโชน ได้ยกมือขึ้นไหว้เจ้าหน้าที่ธนาคารทั้ัง 2 คนที่เกือบจะสังเวยชีวิตให้กับ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับกล่าวขอโทษ ตอนนั้นเขาพูดว่าแปลกใจมาก เพราะตอนยิงกระสุนปืนออกจากลูกโม่
อย่างแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าไปไหน เขาก็งงเหมือนกัน จึงเกิดความกลัวพยายามวิ่งหนีไป ทั้ง ๆ ที่มีเงินสดถึง 6.1 แสนบาท
ตกกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นถนน เพราะการกระชากแย่งถุงเงินกัน ตอนนั้นผมก็แปลกใจว่าทำไมคนร้ายไม่ก้มลง
ไปหยิบ มารู้ที่หลังว่าเขาก็กลัว เพราะอยู่กันใกล้มาก ไม่น่าพลาดได้ จึงรีบกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซด์หนีไป
สุชาติกล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งที่ได้มีโอกาสเผชิญหน้าและพูดคุยกับคนร้ายที่ยิงปืนใส่ตน
คนร้ายนั้นได้กล่าวสารภาพกับผู้กำกับการตำรวจว่า ไม่รู้ว่าคนทั้งคู่ที่ตนยิงแขวนของดีอะไรไว้ แต่เชื่อได้ว่าเป็นของจริง
ปกติคนนี้เป็นมือปืนระดับพระกาฬ และในปืนกระบอกหนึ่งจะมีลูกปืนอยู่ 6 นัด แต่มือปืนมักจะเหลือไว้ในกระบอกปืน 1 นัด
เพื่อไว้ป้องกันตัวเอง พอหนีไปได้ เย็นวันนั้นมือปืนรายนี้ได้ลองเอาปืนที่มีกระสุนเหลืออยู่อีก 1 นัด ไปยิงลูกมะพร้าว
เพราะยังสงสัยว่าทำไมเมื่อเช้าพลาดได้ ปรากฎว่ามะพร้าวถูกกระสุนปืนหล่นลงมาทั้งทะลาย
สำหรับ สุชาติ ได้เฉลยให้ฟังว่าตัวเองแขวนพระเครื่องหลวงปู่ทวดจากวัดศรีมหาโพธิ์ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
ซึ่งสร้างและปลุกเสกโดย อาจารย์แดง โดยพระเครื่องหลวงปู่ทวดรุ่นนี้จะมีตะกรุดอยู่ด้านหลังด้วย
หลังเกิดเรื่องแล้วชาวบ้านทั่วไปเรียกพระเครื่องหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ว่า รุ่นพิมพ์ 5 แชะ พระเครื่องหลวงปู่ทวดของสุชาติ
ที่ห้อยคอองค์นี้มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของจังหวัดยะลารายหนึ่งติดต่อขอเช่าซื้อในราคา 5 แสนบาท
แต่สุชาติไม่ยอมปล่อยยังคงห้อยคออยู่เป็นประจำเพราะถือว่าได้ช่วยชีวิตของตนเองไว้
ในขณะที่ ของดี ที่กิตติศักดิ์ ห้อยคอไว้ในขณะเกิดเรื่องคือ พระเครื่องที่เป็นรูปเหมือนเนื้อทองเหลืองของหลวงพ่อแดง
พร้อมด้วยชานหมากของหลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์
หลวงพ่อทวดที่ สุชาติ เขาแขวน เป็นองค์ที่ผมไปเช่าให้เอง เป็นองค์ที่คู่กับหลวงปู่ทวดของผมที่อยู่ที่บ้าน วันนั้นไม่ได้เอา
มาห้อยคอด้วย แต่ผมแขวนรูปเหมือนของหลวงพ่อแดงซึ่งก่อนเกิดเหตุหนึ่งวันผมขี่มอเตอร์ไซด์ถึงทางโค้งแห่งหนึ่ง
จึงลองภาวนาว่าหากศักดิ์สิทธิ์่จริงขอให้หลวงพ่อมาให้เห็นเป็นนิมิตเถิด ปรากฎว่าท่านถือไม้เท้าเดินผ่านหน้ามอเตอร์ไซด์
ของผมไป กิตติศักดิ์ กล่าวถึงพระเครื่องที่คุ้มครองตนเองและเพื่อนให้พ้นภัยครั้งสำคัญไปได้

นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อเช้าวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2539
โดยหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นไทยรัฐ ข่าวสดหรือเดลินิวส์ ต่างนำเสนอข่าวนี้เป็นข่าวพาดหัวใหญ่ ต่อมามีเหตุการณ์ที่แสดงถึงอิทธิฤิทธิ์ปาฎิหาริย์ของพระเครื่องหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่ถูกนำเสนอเป็น
ข่าวใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับวันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2545 พาดหัวข่าว หนุ่มรุ่นห้อยหลวงปุู่ทวดยิงไม่เข้า และเนื้อหาข่าวเดียวกันนี้ ข่าวสด พาดหัวว่า ฮือฮาหนังเหนียวห้อยพ่อทวด พ่อค้าหนุ่มรอดตาย
โจ๋รุงยิง แทงไม่เข้า รายละเอียดของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมือเวลา 00.30 นาฬิกาของวันที่ 13 กันยายน 2545 ด้วยเหตุทะเลาะวิวาทบริเวณร้านจำหน่ายกางเกงยีนส์หน้าตลาดรังสิต หมู่ 2 ตำบลประชาธิปัตย์ เมื่อนายสมพรรัตน์ พูลช่วย
อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้า ได้ถูกคู่อริหลายคนรุมใช้มีดดาบฟันและสาดกระสุนปืนกระหน่ำยิงใส่ ในที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนขนาด .22 ตกอยู่ 1 ปลอก จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับนายสมพรรัตน์นั้น นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อว่าทั้งคมมีดและกระสุนปืนไม่สามารถสร้างบาดแผลแม้เพียงกระผีก จะมีก็แต่เพียงร่องรอยแห่งการกระทำที่เห็นปรากฎเพียงเล็กน้อย ขนาดนายแพทย์ที่ทำการตรวจร่างกายนายสมพรรัตน์ ยังยอมรับว่าจากการตรวจสอบภายนอกพบว่าเสื้อที่สวมใส่บริเวณกลางหลังมีรอยถูกรอยกระสุนปืนขาดกระจุย แต่คมกระสุน
ไม่ระคายผิว จะมีก็แต่เพียงร่องรอยแดงช้ำ ส่วนที่แขนขวามีรอยแดงเป็นทางยาวซึ่งเกิดจากคมมีดที่คู่อริฟันเข้าใส่
นายแพทย์ วินัย เภตรานุวัฒน์ แพทย์โรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ผู้ตรวจร่างกายนายสมพรรัตน์ กล่าวว่า
วันเกิดเหตุคนเจ็บถูกส่งเข้ามารักษาตัว แต่เมื่อตรวจสอบบาดแผลตามร่างกายพบว่ามีร่องรอยขีดแดง ๆ
โดยเฉพาะที่แขนจะเห็นเด่นชัดมาก รวมทั้งบริเวณกลางหลังเป็นจุดแดง ๆ ซ้ำ ๆ แต่ตนไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดเหตุใด
ดังนั้นจึงไม่สามารถออกความเห็นได้ ผู้สื่อข่าวไปพบนายสมพรรัตน์ บอกว่าเป็นคนนครศรีธรรมราช วันเกิดเหตุ