ประการหนึ่ง เกิดนิมิตหมายคล้ายหลวงปู่ทวด ผ่าน ตน สัมผัส ตนในลักษณะ เข้าทรง ทุกวัน จึงมีผู้คนจากหลากหลายทิศทางมาขอ อาศัยพึ่งใบบุญกันจนล้นบ้านวิษณุ ที่อยู่ละแวกตลาดชีกิมหยง หาดใหญ่ ประการหนึ่ง มารดาวิษณุที่ดำเนินธุรกิจโรงสีข้าว ชื่อ ธนะผล ขายข้าวส่งเรือนจำสงขลา เกิดวิตกจริต เกรงบุตรจะยึดอาชีพ คนทรง จึงรีบเสือกไสวิษณุจากสงขลา เข้ามาเรียนหนังสือ ที่กรุงเทพฯ การฝึกฝนบำเพ็ญตนเป็น คนทรง ผ่านหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้จึงสะดุดหยุดลง อย่างฉับพลันทันใด บวรศักดิ์ เคยเล่าถึงการเรียนหนังสือเก่งเป็นเลิศของวิษณุ ให้ลัดดาฟังว่า เก่งขนาดจบปริญญาตรีนิติศาสตร์เกรียตินิยม ดีมาก จากธรรมศาสตร์ เก่งขนาดสอบวิชาประวัติศาสตร์กฎหมายของอาจารย์หลวงสุทธิวาทนฤพล เขียนตอบด้วยภาษาศิลาจารึก อาจารย์ให้คะแนนเพลินจนเกิน 100 บวรศักดิ์บอกลัดดาด้วยว่า วิษณุเป็นนักอ่านตัวฉกาจ อ่าน สามก๊ก ทุกฉบับ ทุกตัวอักษร แถมยังเล่านิทานเก่งอีกต่างหาก มีนิทานสารพันเล่าให้ฟังได้ทั้งคืน ไม่แปลกที่จะบอกว่า ในอดีตที่ผ่านมา เวลามีงานพระราชทานเพลิงศพ ณ พระอารามหลวง วิษณุมักชักชวนสหายสนิทแต่งชุดสากลอย่างภูมิฐานไปร่วมงาน แล้วรับแจก หนังสือที่ระลึกเพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้า อาจกล่าวได้เต็มปากว่า วิษณุ เครืองาม เป็นชาวปักต์ใต้ผู้ยืนอยู่บนถนน แห่งความสำเร็จขณะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สังคมแห่งประเทศไทย เป็นวิษณุ เครืองาม ผู้คว้าตำแหน่งศาสตราจารย์ ขณะอายุ 32 เป็นวิษณุ เครืองามผู้นั่งเก้าอี้ข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 11 ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขณะอายุ 42 เป็นวิษณุ เครืองาม ผู้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษระดับ พระยา ขณะอายุ 50 ย่าง เชื่อเถิดว่าก่อนหน้านี้เมื่อกล่าวถึง ชาวสงขลา ย่อมต้องเอ่ยนามศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม ด้วย อย่างมิพักสงสัย